Your cart is currently empty!
ประสบการณ์ Covid 19 ในปี 2022 : อาการ และขั้นตอนเมื่อตรวจพบ
สั้นๆ ในประโยคแรกเลยคือ แทปติดโควิทจ่ะ อยากมาเล่าประสบการณ์ที่เกิดขึ้น จากที่ผ่านมาตั้งแต่เริ่มต้นมีโควิทที่อู่ฮั่น (ย้อนไปไกลมาก) เราค่อนข้างกลัวสุดๆ จนมันเริ่มเข้ามาไทย แล้วก็มาถึงสถานการณ์ปัจจุบัน เรียกได้ว่าตั้งแต่เริ่ม Phase การมีอยู่ของโรคนี้ เราค่อนข้างระวังตัวที่สุด ตั้งแต่ที่ไม่รู้อะไรเลย สะสมสะเบียงทั้งอาหาร ซื้อแอลกอฮอล์ เจลล้างมือ ถุงมือ หน้ากาก เครื่องกรอง ที่ตรวจ ATK อะไรอีกสารพัดที่สามารถจะป้องกัน หรือตรวจพบโรคได้ อะไรดีก็ซื้อเก็บไว้หมด จนมันผ่านมา 2 ปี มีลูกอายุได้ขวบกว่า ก็ดันมาติดเองซะได้
Behavior
พฤติกรรมของแทปจริงๆ ไม่ใช่คนที่มีความเสี่ยงเยอะเท่าไหร่ ทำงานก็ Work from home ตั้งแต่เริ่มปี 2565 มา ออกจากบ้านนับครั้งได้ เวลาออกไปข้างนอก นอกจากใส่ Mask 2 ชั้นแล้ว แทปพกแอลกอฮอล์สเปรย์ขวดใหญ่แบบครึ่งลิตร ฉีดมือทุกครั้ง ก่อน และหลังที่จะทำอะไร ฉีดให้คนรอบๆ ข้าง เรียกว่าระวังตัวมากที่สุดเท่าที่คนคนนึงจะทำได้แล้ว เพราะว่าเรามีลูกเล็ก เวลาเป็นอะไรก็จะนึกถึงลูกก่อนเลย เพราะงั้นจะพยายามไม่ทำอะไรที่มันมีความเสี่ยง
จุดเริ่มต้นและอาการ
ช่วงใกล้สงกรานต์ (ซึ่งจริงๆ เราก็คิดอยู่แหละว่าตอนนี้คนติดเยอะมาก แล้วผู้คนก็เริ่มจะคุ้นชิน หรือเรียกว่าเฉยชาเลยด้วยซ้ำกับการระบาด) แทปมีการออกไปห้างสรรพสินค้า 2 ครั้ง และแต่ละครั้ง มีการเปิดหน้ากากเพื่อกินอาหาร ครั้งแรกคือไปแฟชั่น วันที่ 10 เมษายน เพราะกอล์ฟอยากกินซิสเลอร์มาก(ก่อนไปมีเถียงกันเล็กน้อย) สุดท้ายเราก็ตกลงไป พอไปถึงแฟชั่น สิ่งที่ตกใจ 1 คือ คนเยอะมาก ส่วนใหญ่เป็นครอบครัว มีผู้สูงอายุแบบนั่งรถเข็น เด็ก เด็กเล็ก มีเด็กตัวเล็กๆ ที่ไม่ได้ใส่หน้ากากหลายคนเหมือนกัน ไปถึงร้านก็กินตามปกติ ถึงร้านจะเว้นระยะห่าง แต่มันก็เป็นบุฟเฟ่แบบตักอ่ะนะ ยังไงก็ต้องเดินไปเดินมากัน วันนั้นเราอยู่แฟชั่นกันจนถึงตอนเย็น
ครั้งที่ 2 ที่ไป คือวันที่ 12 ประมาณ 6 โมงเย็น เราไปกิน Sukishi buffet ที่ Bluport พี่ๆ น้องๆ แทปอยากกิน ก็เลยไปกินกัน บรรยากาศร้านคือ นั่งหลังติดกับโต๊ะข้างๆ ถือว่าค่อนข้างแคบและแทบไม่มีเว้นระยะ ลืมพูดถึงไป ตอนขับรถกำลังไป Bluport เราผ่านซอยซอยนึง มันคล้ายกับแถวสีลมมาก มีบาร์ มีฝรั่งเต็มไปหมด (เหมือนจะเรียกว่าบ้านคุณพ่ออะไรแบบนี้) แทบทั้งซอย คนนั่งในร้าน คนเดิน คนขี่มอเตอร์ไซค์ ไม่ใส่แมสเลยซักคน
12 เมษา 2565 : อาการแทปน่าจะเริ่มต้นประมาณวันนี้ อยู่ดีๆ ช่วงเย็นเหมือนมีน้ำมูกแบบงงๆ แต่ไม่เยอะ คอเริ่มแห้งๆ
13 เมษา 2565 : อาการมากกว่าวันที่ 12 นิดหน่อยคือเริ่มๆ เจ็บคอ มีซื้อพวกคามิโลซานมาคอยฉีด แทปลองตรวจ ATK ผลเป็นลบ วันนี้เป็นวันที่มีคนในครอบครัวมาถึงบ้านที่หัวหินกันครบพอดี ทั้งหมด 11 คน
14 เมษา 2565 : วันนี้คือวันที่อาการออกเยอะที่สุด หลังจากที่ตื่นนอนมา เจ็บคอมาก เจ็บเหมือนหวัดลงคอ ลักษณะคือเวลากลืนน้ำลาย มันเหมือนมีอะไรติด กลืนไม่ลง เจ็บเหมือนมีแผล มีมีดกรีดตรงคอ (แต่อาจจะไม่ได้ขนาดนั้น) น้ำมูกไหลตลอดเวลา
15 เมษา 2565 : ตื่นนอนมา รู้สึกไม่ค่อยดี แล้วก็รู้สึกตะหงิดๆ ใจ เลยเอาที่ตรวจ Flowflex มาตรวจอีกที รอบนี้แทปเอาไม้เก็บตัวอย่าง ล้วงคอ แล้วก็เอามาล้วงจมูก (gross หน่อยๆ) ผลออกมาได้ 2 ขีดจ้า ตอนนั้นนั่งอ๊องไปแป๊บนึง แต่ที่จริงก็เตรียมใจไว้พอสมควร เพราะว่านั่งลำดับว่าต้องทำอะไรยังไง เริ่มต้นคือขังตัวเองไว้ในห้องก่อน แล้วเรียกกอล์ฟเข้ามา
ให้กอล์ฟไปตรวจ ผลเป็น positive เหมือนกัน ทีนี้ แทปเลยลองตรวจอีก 2 อันให้แน่ใจ
– อันแรก ตรวจไปแล้ว เป็น + (คอ+ จมูก)
– อันที่ 2 ผลเป็น Error ขึ้นขีดล่างอันเดียว (จมูกอย่างเดียว)
– อันที่ 3 ผลเป็น – (คออย่างเดียว)
สรุปว่า 3 อันที่ตรวจ ผลไม่เหมือนกันเลย เลยวางแผนก่อนคือ
1. หา ATK ให้ทุกคนในบ้านตรวจทั้งหมด – ผลคือเป็นลบ ทุกคน (ยกเว้นไอรีน ได้ผล Error ตรวจไม่ได้)
2. แยกไอรีนไว้ แล้วกักตัวแทป(และกอล์ฟ)
3. ไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจให้แน่ใจอีกครั้ง แล้วค่อยตัดสินใจต่อว่าจะกักตัวที่หัวหิน เข้าโรงพยาบาล หรือกลับ กทม.
ไปโรงพยาบาล
แทปกับกอล์ฟ เดินทางออกจากบ้านไปโรงพยาบาลกรุงเทพหัวหิน ที่โรงพยาบาลคนเยอะพอสมควร เนื่องจากวันนี้เป็นวันหยุดสงกรานต์ คนไข้ทั้งหมดเลยต้องไปรับการตรวจที่ห้องฉุกเฉิน ระหว่างลงทะเบียนแทปเห็นน้องผู้หญิงน่าจะ 8-9 ขวบ นั่งรถเข็นแต่นอนฟุบอยู่เป็นไข้ ในใจว่าน่าจะติดโควิทแน่ๆ
แทปกอล์ฟไปตรวจแจ้งว่ามีอาการเจ็บคอ มีน้ำมูก โรงพยาบาลจะให้ตรวจ Antigen ก่อน ผลออกประมาณ 1 ชั่วโมง ระหว่างรอ ที่หน้าห้องฉุกเฉิน ก็มีเคสทั้งด่วน ทั้งไม่ด่วน ปนกันไปหมด น้องคนที่นั่งรถเข็น สรุปแม่เค้าเดินมาแบบงงๆ มาบอกพ่อกับน้องว่า น้องติดโควิทแล้วก็ดูตกใจ งง เพราะผู้ใหญ่ไม่มีใครติด ระหว่างรอนี่มันน่าเบื่อมาก มองดูคนรอบๆ ที่ป่วย พอเวลาผ่านไปชั่วโมงกว่าๆ กอล์ฟเลยเดินไปถามที่ Counter สรุปผลออกแล้ว แทปผลเป็น positive. ส่วนกอล์ฟเป็น Negative งงมาก
Process ทุกอย่าง ช้าไปหมดเลย เพราะว่าบุคลากรมีไม่พอ ไปกันตั้งแต่บ่ายนิดๆ แต่เสร็จจริงๆ น่าจะ 4 โมงเย็น เวลาทั้งหมดหมดไปกับการนั่งรอ รอผล รอจ่ายเงิน รอจ่ายยา สำหรับแทปที่ผลออกมาติด โรงพยาบาลแนะนำให้ไป Home Isolation แต่ถ้าจะ Admit. ต้องวางเงิน 1 แสนบาทก่อน แล้วรอ จนกว่าจะมีเตียงว่างถึงได้เข้าไป แทปเลยบอกเค้าว่าขอยา แล้วไป Home Isolation แทน ตอนชำระเงินตอนแรกจะรอเบิกประกัน แต่รอนานมาก ไม่รู้ต้องรอถึงเมื่อไหร่ เลยจ่ายเงินเองไปประมาณ 2 พันกว่าบาท ยาที่ได้ก็คือยาประคองอาการ ยาฉีดคอ ยาแก้ไอ ยาพารา สเต็ปซิล และ Nac-long (ยาฟาวิ รพ บอกว่าที่นี่ไม่มี)
หลังจากกลับบ้าน แทปเลยไปกักตัวในห้องคนเดียว และวันนี้เป็นวันที่ไอรีนเริ่มมีอาการเหมือนเป็นไข้ตัวรุมๆ ตอนแรกที่บ้านยังไม่ค่อยแน่ใจว่าเป็นโควิท เพราะวันก่อนหน้าไอรีนว่ายน้ำค่อนข้างนานเลยคิด(ในทางบวก) ว่าอาจจะเป็นไข้เพราะเล่นน้ำ วางแผนว่าพรุ่งนี้จะพาไอรีนไปตรวจ PCR พร้อมพี่สาวลูกพี่ลูกน้องที่เสี่ยง ป๊า และกอล์ฟ (วันนี้ไม่มี รพ.ไหน รับตรวจแล้ว) ไอรีนเก่งมากๆ บอกยายกับป้าได้ว่าไอรีนรู้สึกอึดอัด รู้สึกไม่ดี ให้ผู้ใหญ่ช่วยเหลือ เปลี่ยนเสื้อผ้า ให้กินยา
วันที่ 16 เมษา 2565 กอล์ฟพาไอรีนและที่บ้านไปตรวจ. PCR แต่เช้า ของไอรีนจะตรวจทั้ง Antigen และ PCR เพื่อจะได้ผลเร็ว 1 และชัวร์ 1 สงสารไอรีนมากเพราะว่าปกติต้องกินนมแม่ตอนนอนตลอด ไม่เคยแยกกัน ตอนนี้ทั้งต้องเลิกกิน แล้วก็ยังเป็นไข้อีก ตอนตรวจไอรีน กอล์ฟบอกว่าโชคดีที่เมื่อคืนไอรีนไม่ค่อยได้นอน เลยหลับ ช่วงหลับพยาบาลเลยจิ้มจมูก เก็บตัวอย่างมาได้ (ไอตื่นขึ้นมาหลังจากจิ้ม)
ผลปรากฏว่าไอรีนติดโควิดเหมือนกัน แผนจากเดิมที่แทปกับกอล์ฟอาจจะกักตัวที่หัวหิน เลยย้ายกลับไป กทม. ทั้งบ้าน พาไอรีนไปแอดมิทที่โรงพยาบาล โดยมีน้องแอมเป็นพยาบาลที่วิภารามคอยติดต่อให้ โชคดีที่มีห้องว่างพอดี (ตอนแรกอยากนอนที่วิภาวดีมากกว่าเพราะปกติไปที่นี่ แต่กอล์ฟโทรไปคอลเซนเตอร์ เค้าบอกว่าเตียงเต็ม เลยต้องหาที่อื่น มารู้ที่หลังว่าต้องไปหาหมอที่ รพ หรือโทรไป ward เด็ก ที่เราหาประจำเค้าถึงหาเตียงให้)
ไปถึงโรงพยาบาลตอนเย็น ไอรีนไม่ทำตัวเหมือนเด็กป่วยเลย ร่าเริงเกินเบอร์ ไปทักทายคนนั้นคนนี้ ร้องเพลง เต้น แม่ต้องเกาหัว บอกให้ไอทำตัวเหมือนเด็กป่วยหน่อยหมอจะได้ให้แอดมิท แต่ไอรีนก็ยังร้องเพลงอยู่
ระหว่างรอหมอ ก็มีเด็กเล็กที่เป็นไข้เข้ามา คุณยายเด็กพามาจะมาหาหมอ พยาบาลบอกว่าก่อนเข้าตรวจต้องตรวจ ATK ก่อน ผลปรากฏว่าน้องเบบี๋คนนั้นติดโควิท ทั้งยาย ทั้งพ่อ ช๊อกกันไปหมดเพราะไม่มีใครที่บ้านติดเลย แถมดูเหมือนจะโทษกันไปมาว่า แม่พาน้องออกไปให้คนนั้นคนนี้อุ้มบลาๆ (อันนี้เผือกส่วนตัวเอง)
หลังจากที่ได้พบหมอ ไอรีนก็ได้ Admit ที่โรงพยาบาลเนื่องจากเป็นผู้ป่วยสีเหลือง แล้วก็อยู่ที่โรงพยาบาล 7 วัน
สรุปจากประสบการณ์
จากที่มีการวิเคราะห์ สังเกต มาทั้งหมดแล้ว การติดเชื้อของแทปน่าจะมาจาก 2 จุดคือ
1. ติดจากที่แฟชั่นไอซ์แลนด์ ไม่แน่ใจว่าติดตอนเปิดหน้ากาก หรือตอนอื่นๆ ที่เดินในห้าง
2.ติดจากกอล์ฟ หรือไอรีน ที่เป็นผู้ติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการ
ที่แทปดูเหมือนป่วยคนแรก หรืออาจจะเป็นคนติดคนแรก คิดว่าแทปภูมิคุ้มกันต่ำมาก อาจจะต่ำกว่าไอรีนด้วยซ้ำ เพราะที่ผ่านมาตลอดเดือนกว่า แทปนอนดึกมาก ประมาณตี 1 ขึ้นไป แล้วก็ตื่นประมาณ 8 โมงทุกวัน ติดๆ กัน อาจจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เราติดเชื้อมาง่าย หรือแสดงอาการก่อน
- แทปยังไม่ได้ฉีดเข็ม 3 เนื่องจากไม่เข้าเกณฑ์ใดๆ ที่รัฐจะให้ฉีด เพราะ 2 เข็มแรก เราจ่ายเงินซื้อโมเดอน่าเอง ถ้าจะฉีดต่อไปก็ต้องจ่ายเงินเองเหมือนเดิม ที่จริงก่อนจะสงกรานต์ กะว่าจะไปฉีด แต่ไม่มีคิว -_-
- ที่บ้านสรุปว่า ทั้งหมด 11 คน มีคนติดเรียงตามอาการดังนี้ แทป ไอรีน กอล์ฟ แม่แทป พี่ฟาง (2 คนหลังเพิ่งติด เพราะว่าวันที่แทปกักตัว เค้าเป็นคนเลี้ยงไอรีน) พี่อีกคน(พี่ปุ๊ย) เลี้ยงไอรีนแบบใกล้ชิดมากวันที่ไอรีนน่าจะติดเชื้อแล้ว นอนด้วยกัน แต่ไม่ติด (เค้าเดาว่าเพราะเพิ่งไปฉีดเข็มกระตุ้นโมเดอน่ามาไม่นาน) เพราะฉะนั้น บางทีใกล้ชิดกับคนที่ติดโควิด แต่มีภูมิเยอะ อาจจะไม่ติดได้ด้วย (แต่ควรจะระวังแหละ)
- หลังจากที่ได้รับเชื้อมาแล้ว ประมาณ 2-5 วันจะเริ่มมีอาการ ให้คอยสังเกต
- ที่ตรวจ ATK ถ้าเก็บ Sample ไม่ดี ไม่ว่าเครื่องตรวจยี่ห้อดีขนาดไหน ก็อาจจะได้ผลลัพธ์ที่ไม่ตรงได้ เพราะฉะนั้นถ้ามีอาการ ตรวจแล้วไม่เจอ อย่าชะล่าใจ เข้าข้างตัวเอง ขนาดกอล์ฟติด ไปตรวจ antigen ที่ รพ. รอบแรก ยังผลเป็นลบเลย
- แทปน่าจะเจอสายพันธุ์ที่ไม่รุนแรง บวกกับเราฉีดวัคซีนโมเดอน่า เลยแทบไม่มีอาการอะไรมาก วันหลังๆ มีเพิ่มคือไอ ไม่มีไข้เลย
- ถ้ามีคนบอกว่าโควิดไม่น่ากลัว เป็นแค่หวัดเดี๋ยวก็หาย อย่าไปเชื่อ เพราะคนพูดอาจจะโชคดี หรือว่าเป็นสายพันธุ์ที่ไม่รุนแรง หรือว่ามีภูมิเยอะ โควิดไม่ได้ไม่น่ากลัว แล้วก็ไม่ได้น่ากลัวเกินไป ร่างกายคนเราไม่เหมือนกัน เราไม่มีทางรู้เลยว่าเราจะแข็งแรง หรืออ่อนแอเมื่อไหร่ พยายามป้องกันตัวเองให้ดีที่สุด
- มันมีคนที่มีเชื้อ แต่ไม่แสดงอาการ และตรวจ ATK ไม่เจอแฝงอยู่ทั่วไป เพราะฉะนั้นก็ต้องระมัดระวังตัว
- ดวง – ขออนุญาตใช้คำนี้ ถ้าดวงดี แกเดินไปเข้าดงผู้ป่วยก็ไม่ติด แทปขอประกาศว่าตัวเองเป็นผู้ดวงซวยแห่งเดือนเมษายน 2565 เพราะว่าจากการใช้ชีวิตคือความเสี่ยงน้อยมากเพราะไม่ได้ออกไปไหนเลย แล้วก็พยามระมัดระวังตัวมากที่สุดเท่าที่คนคนนึงจะทำได้แล้ว (พยายามจะใช้ชีวิตให้ปกติ)
จะทำยังไงถ้าเกิดตรวจเจอว่าติดโควิด
สำหรับใครที่ติดโควิด หรือว่าอยากเตรียมตัว แทปถือว่าเป็นรุ่นพี่ในวงการนี้แล้วกันเพราะติดก่อน 55 มีข้อมูลมาแบ่งปันตามนี้
รายการยาที่เตรียมไว้สำหรับฉุกเฉิน ใช้ประคองอาการ
1. ยาแก้เจ็บคอ Ibuprofen 400 mg ลดอาการอักเสบ เจ็บคอ + ลดไข้
2. ยาแก้ไอ Ropect เม็ดแดงๆ (เหมือนอันนี้ รพ. ต้องเป็นคนจ่ายให้เท่านั้นมั้ง) หรือยาแก้ไขอื่นๆ ที่มี
3. Nac long ยาเม็ดฟู่ ละลายน้ำกินหลังอาหารเช้า ช่วยเรื่องไอ เสมหะ อร่อยดีเปรี้ยวๆ
4. ยาพ่นคอ Difflam Spray ช่วนลดอาการอักเสบ หวานๆ เย็นน้อยๆ (คามิแสบกว่า)
5. ยาพารา สำหรับคนที่เป็นไข้
แต่จริงๆ ถ้าติด Covid ขึ้นมา แนะนำให้ลงทะเบียนกับหน่วยงาน เค้าจะมีเจ้าหน้าที่ติดต่อมาและส่งยา อุปกรณ์ที่จำเป็นให้ไม่มีค่าใช้จ่าย แบบนี้จะดีกว่ามาเตรียมทุกอย่างเองค่ะ
ขั้นตอนเมื่อติดโควิท – Home Isolation Edition
ตอนนี้มีคนติดค่อนข้างเยอะ ถ้าเป็นผู้ป่วยสีเขียว และไม่ได้จะจ่ายเงินเอง รพ. จะไม่ค่อยรับให้ Admit ส่วนใหญ่จะผลักดันให้ทำ Home Isolation แทน โดยขั้นตอนมีดังนี้ (According to ที่สัมภาษณ์พี่ฟางมา)
1. ลงทะเบียนเข้าระบบ สปสช ที่ https://www.nhso.go.th
2. รอเจ้าหน้าที่ตอบกลับมา เค้าจะให้ add Line โรงพยาบาล แล้วจะมีให้กรอกข้อมูลในหน้าเว็บของโรงพยาบาล Link เป็นแบบ one time มีรายละเอียดส่วนตัว ใช้สิทธิ์อะไรแบบไหนในการเข้ารับการรักษา อาชีพ ที่อยู่ ตรวจแบบไหนถึงทราบว่าติดโควิด แล้วก็จะให้เตรียมผล ATK ที่เป็นบวก ถ่ายคู่กับบัตรประชาชน
3. เจ้าหน้าที่จะให้เลือกว่าจะรับยาและของจำเป็นโดยไปรษณีย์ หรือไปรับด้วยตัวเอง O_0 งงมั้ยไปรับเอง ก็คือติดเชื้อแต่ออกไปเอาของ
4. เมื่อได้รับของก็จะมีพวกยา ของใช้จำเป็นเช่นเครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว ปรอดวัดไข้ ถุงขยะสีแดง หน้ากาก
5. ให้เราทำการวัดไข้ ส่งรายงานค่า Oxygen อุณหภูมิ และอาการให้กับ รพ. ตามที่กำหนด
6. พี่ฟางได้คูปองสั่ง Food Panda สำหรับสั่งอาหารช่วงทำ Home Isolation มูลค่า 300 บาท ต่อวัน ไม่รู้เค้าให้กี่วัน เพราะว่าโค๊ดจะถูกส่งมาให้ใน email ทุกวัน
*ยาฟาวิพิราเวียร์ สำหรับการสอบถามหลายคนที่ทำ Home Isolation พบว่า ไม่ได้ยานี้ทุกคน ส่วนใหญ่ถ้าใครเป็นผู้ป่วยกลุ่มสีเขียวที่ไม่มีความเสี่ยง หรืออยู่ในกลุ่มเสี่ยง เค้าจะไม่จัดมาให้
ขั้นตอนเมื่อติดโควิท – ซื้อ Package กลับบ้าน กับทางโรงพยาบาล หรือ Walk-in ไปตรวจที่ รพ.
วิธีนี้แทปอ่านเจอที่ รพ.วิภาราม และแม่เลือกใช้วิธีนี้กับ รพ.วิภาวดี
ไปตรวจโควิดที่โรงพยาบาล (แม่ไปรพ.วิภาวดี ที่นี่มีตึกแยกสำหรับโควิดโดยเฉพาะ แม่ตรวจ 2 แบบคือ PCR(รอผล 24 ชม และ Antigen (รอผลหลัก ชม. จำไม่ได้)) เมื่อตรวจแล้วทราบผลว่าเป็นบวก เค้าก็ให้แม่หาหมอแล้วหมอก็สอบถามอาการ จัดยามาให้ หมดไปประมาณ 7 พัน รวมค่าเทส PCR+Antigen (อันนี้แอบงง คือเหมือนไปหาหมอธรรมดาเลยแล้วหมอก็จ่ายยามา) แม่ได้ยาฟาวิมาด้วยเพราะเป็นผู้ที่อยู่ในกลุ่มสีเหลือง เพราะอายุถึงเกณฑ์และจ่ายเงินเอง (แม่ได้แต่ยามา ไม่มีได้ปรอทวัดไข้ ที่วัดออกซิเจนหรือของใช้อื่นๆเหมือนที่เข้าโครงการของ สปสช) หลังจากผ่านไปวันนึง เจ้าหน้าที่โทรมาแจ้งผล PCR เค้าถามอาการ แล้วก็ถามแม่ว่าจะแอดมิดมั้ย แต่แม่ขออยู่บ้าน เจ้าหน้าที่เลยบอกว่างั้นทางโรงพยาบาลจะไม่โทรมานะ แต่ถ้ามีอะไรฉุกเฉินให้ติดต่อที่เบอร์นี้ได้เลย (แม่อายุเกินไม่สามารถเข้าโครงการ Hospitel ของโรงพยาบาลได้)
1.1 ความงงคือ ที่จริง รพ วิภาวดีมีให้ลงทะเบียนโครงการรักษาฟรีถ้าผลตรวจเป็น + แต่ว่าหลังจากลงทะเบียนไป ที่บ้านไม่อยากรอ เพราะแม่อายุเยอะแล้ว เลยพา walk in ไป ที่ โรงพยาบาลเลย เลยเข้ากระบวนการปกติ แล้วแพรก็เซิดเจอมีหลายหน่วยงานที่มีให้ตรวจโควิดและรักษา แต่เหมือนกับว่าแต่ละหน่วยงานทำ แล้วก็ช่วยเหลือกันเอง ไม่ได้เป็นเนื้อเดียวกัน
1.2 ของวิภาราม แทปอ่านเจอตอนพาไอรีนไปหาหมอ ถ้าซื้อ Package ที่นี่ มันจะชื่อ Package เจอ จ่าย ไม่จบอะไรประมาณนี้ อันนี้เราจะได้เซทยาที่จำเป็น โดยการเลือกซื้อ package แบบนี้ส่วนใหญ่นอกจากจะได้ยามาแล้ว บางที่ก็จะมีขายแพคเกจแบบ รวมค่า PCR เท่านั้นเท่านี้ครั้ง หรือมี X-Ray ปอดให้จำนวนกี่ครั้ง อะไรแบบนี้ แตกต่างจากแบบที่เป็นแบบฟรีนิดหน่อย เดาว่าแต่ละโรงพยาบาลก็จะมีวิธีสร้าง package มาขายที่แตกต่างกัน ต้องลองดู
ขั้นตอนเมื่อติดโควิท – Admit รพ. และใช้ประกัน
กรณีต้องการ Admit เข้านอนที่โรงพยาบาล ส่วนใหญ่ต้องเป็นผู้ป่วยที่อยู่ในกลุ่มสีเหลืองขึ้นไปเท่านั้น ของที่บ้านไอรีนได้แอดมิดที่โรงพยาบาลเพราะเป็นเด็กเบบี๋
ส่วนแทปกับกอล์ฟได้เข้าไปเพราะไปอยู่กับไอรีน
ตอนไปอยู่โรงพยาบาล สำหรับไอรีน ต้องวัดไข้ กับออกซิเจน ส่งให้พยาบาลทางไลน์ทุกๆ 4 ชั่วโมง ของผู้ใหญ่ ส่งให้ 3 ครั้งต่อวัน (ผู้ใหญ่มีวัดความดันเพิ่มขึ้นมา) ตั้งแต่เข้ามา รพ. เจอหมอครั้งเดียวตอนก่อนเข้ามาในห้อง พอเข้าห้องแล้วเราจะเหมือนโดนซีลไว้ในห้องเลย ไม่มีใครเข้ามา กรณีมีปัญหาอะไร หรือมีการทำหัตถการ ที่ต้องมีพยาบาลหรือเจ้าหน้าที่เข้ามา เค้าจะต้องใส่ชุด PPE เข้ามาทุกครั้ง
อยู่ รพ ซักพักถ้า X-Ray ปอดแล้วโอเค ไม่มีอาการลงปอด หมอจะให้กลับบ้านได้
สรุปว่าของไอรีน ประกัน Cover ทั้งหมด ไม่ต้องจ่ายอะไรเพิ่ม
ของแทปกับกอล์ฟ ตอนที่ตกลง Admit รพ. ให้เซนต์เอกสารว่าจะยอมสละสิทธิ์ของประกันสังคม เพราะว่าปกติถ้าติดต่อเข้า รพ. ใครมีประกันสังคม จะถูกให้ใช้ก่อนประกันส่วนตัว (ตรงนี้งงมากเหมือนกัน) ซึ่งถ้าใช้ประกันสังคม เค้าจะให้ไปอยู่ Hospitel (มันจะไปได้ไงเล่าก็ลูกอยู่ รพ.) อันนี้ถ้ามีรายละเอียด อยากให้ทางการอธิบายเหมือนกัน เพราะเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลอธิบายยังไง เราก็ไม่เข้าใจอยู่ดี แต่ก็ต้องตามน้ำไปเพราะจะได้เข้าไปอยู่กับลูก
สรุปตอนเบิกประกันตอนสุดท้ายก่อนออก แทปกับกอล์ฟ โดนจ่ายเงินไปคนละประมาณเกือบ 5 พัน ค่ายาฟาวิพิราเวียร์ เนื่องจากประกันไม่ครอบคลุม เพราะว่ารัฐบาลให้ยานี้ฟรี แต่เนื่องจากเราเป็นผู้ป่วยกลุ่มสีเขียวก็เลยเบิกกับรัฐบาลไม่ได้ ทางโรงพยาบาลแจ้งมาแบบนี้ เลยต้องจ่ายเงินเอง
* อันนี้ยังไม่ได้ mention ถึงว่าถ้านอน Admit. ต้องวางเงินประกันต่อคนหลายตังอยู่นะ ตั้งแต่ 15,000 ไปถึง 100,000 บาทต่อคน
สรุปอาการของแทปกับกอล์ฟ
แทปกับกอล์ฟที่เป็นผู้ใหญ่ อาการที่เจอมีตามนี้ ถ้าใครมีเค้าหรือว่ามีอาการใกล้เคียงกับอาการต่อไปนี้ ให้ลองตรวจเทสโควิดดีๆ (ของที่บ้านไม่มีใครมีอาการหนัก เลยจะไม่มีข้อมูลอื่นๆ ที่เกี่ยวกับอาการเชื้อลงปอด หรือว่าอาการข้างเคียงอื่นๆ)
- แทปเริ่มต้น มีอาการเจ็บคอมากๆ แบบกลืนน้ำลายก็เจ็บ (แบบที่บอกข้างบน)
- ณ วันที่มีอาการวันแรก ตอนใส่คอนแทคเลน์ มีอาการปวดตา (ไม่รู้เกี่ยวมั้ย แต่ไม่ได้ใช้ตาหนัก ตื่นมาก็เป็นเลย)
- มีน้ำมูกไหล เป็นน้ำมูกใสๆ
- ไอแห้งๆ ไอเยอะ
- ช่วงหลังเริ่มมีเสมหะ (สำหรับบางคน)
- แทป กอล์ฟ ไม่มีอาการไข้ แต่แม่แทปมีไข้ประมาณ 3 วัน
สำหรับเด็กที่ติดโควิด
น้องแอมที่เป็นพยาบาล ward โควิด แนะนำว่าถ้าเด็กติดที่จริงอยากให้ใกล้ชิดหมอหน่อย เพราะว่าเด็กจะมีความเสี่ยงที่จะลงปอดแล้วเกิดอาการหนัก ถ้าไม่ได้รับยาฟาวิ จะทำให้มีโอกาสเชื้อลงปอดได้มากขึ้น แล้วถ้าเชื้อลงปอดแต่อยู่ที่บ้านก็อาจจะไม่ได้ X-Ray แล้วกว่าจะรู้ก็รักษาได้ไม่ทันการ ของไอรีนมีอาการไม่มาก ตามนี้
- เริ่มจากมีอาการเป็นไข้อ่อนๆ อาการนี้เกิดก่อนที่จะตรวจเทสโควิด ที่บ้านให้กินยาแก้ไข้เอง มีไข้ประมาณ 2 วัน
- มีน้ำมูก เป็นใสๆ
- เริ่มมีอาการไอ นอนหลับมีเสียงครืดคราดเหมือนมีเสมหะ (เป็นแค่คืนแรกที่มานอนที่ รพ.)
- เสียงเปลี่ยน กลายเป็นเสียงเป็ด
- หงอยๆ บางทีตอนกินยา แต่ส่วนใหญ่ซนอยู่ พูดเยอะมาก (อันนี้ไม่ใช่อาการ 55)
- หลังจากกินยาฟาวิไป 1 หลอด ถ้ามีแสงแดดส่อง ตาจะเป็นสีออกน้ำเงิน เห็นชัดอยู่ แต่ว่าต้องโดนแสง
- เบื่ออาหาร (กินน้อยมาก) น้ำหนักน่าจะลดไปครึ่งโลเลยหลังจากออก รพ. (แต่คือไม่แน่ใจว่าเบื่ออาหาร หรือเพราะอาหารไม่อร่อยด้วยมั้ย เพราะอาหารที่โรงพยาบาลไม่อร่อยจริงๆ อ่ะ)
ก็ถือว่าโชคดีที่ไอรีนไม่ได้มีอาการอะไรมาก แต่หลังจากออกจากโรงพยาบาลก็ต้องคอยเฝ้าระวังต่ออีก เพราะว่าอาจจะมีอาการ Long covid หรือ Mis-C ที่เกิดในเด็กได้ แล้วก็ไม่รู้ว่ายาที่กินเข้าไปช่วงที่รักษาโควิดจะมีผลข้างเคียงอะไรระยะยาวมั้ย แต่เบื้องต้นหมอเจาะเลือด ตรวจฉี่ ค่าตับไอรีนอยู่ในเกณฑ์ปกติ ก็หวังว่าจะไม่มีผลอะไรในระยะยาวนะ
โพสนี้เขียนค่อนข้างยาว ตลกมากเลยตอนแรกเพิ่งเปลี่ยน web ใหม่ กะจะเขียนเรื่องเกี่ยวกับแม่และเด็ก รีวิวของที่ชอบช๊อปปิ้งมาเกี่ยวกับเด็ก ปรากฏว่าต้องมาเขียนเกี่ยวกับโควิด ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ชีวิตละกัน ฮาๆๆ หวังว่าโพสนี้จะเป็นประโยชน์กับใครบ้างไม่มากก็น้อยนะ
*แอบภูมิใจนิดนึง ตอนอยู่โรงพยาบาล แล้วแทปนอนไอหนักๆ ไอรีนจะหันมาหา แล้วบอกว่า มาม๊า กินยานะคะ กินน้ำเยอะๆ นะคะ Y_Y ช่างพูดมากๆ แถมรอบนี้ตอนออกจากโรงพยาบาลมาไอรีนเลิกติดกินนมแม่แล้ว สามารถนอนเองได้ เย่