ของใช้เตรียมคลอด

ช่วงกำลังตั้งครรภ์ไตรมาสสุดท้าย เป็นช่วงที่แม่ๆ หลายๆ คน มีความกังวล ทั้งเรื่องเบบี๋ในท้องเอง ทั้งเรื่องการเตรียมของนั่นนู่นนี่ ของที่เตรียมจะครบมั้ยนะ มีอะไรที่เราต้องใช้อีกบ้าง วันนี้แทปจะมาช่วยลิสรายการของใช้จำเป็นสำหรับแม่ๆ จากประสบการณ์ตัวเองที่ผ่านมา เผื่อว่าจะเป็นไอเดียให้กับหลายๆ คน อาจจะขาดบ้าง เกินบ้าง ลองดูเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยแล้วกันนะคะ โดยจะแบ่งเป็นหมวดหมู่ต่างๆ เพื่อจะได้จัดเตรียมกันได้ง่ายๆ ดังนี้

  • หมวดกระเป๋าเตรียมคลอด (สำหรับเป็นกระเป๋าฉุกเฉิน เผื่อรีบๆ เราหยิบสิ่งนี้ไป ร.พ. ได้เลย)
  • หมวดยาและของใช้สิ้นเปลือง
  • หมวดของจำเป็นอื่นๆ
  • หมวดคุณแม่ปั๊มนม

กระเป๋าเตรียมคลอด

กระเป๋าเตรียมคลอดคือกระเป๋าที่เราใส่ของจำเป็นที่ต้องใช้ในโรงพยาบาลวันที่เราไปคลอด ดังนั้นควรเตรียมกระเป๋าคลอดล่วงหน้าใส่รถไว้ช่วงปลายๆ 6 เดือนหรือ  7 เดือน เผื่อมีเหตุการณ์ ฉุกเฉินเราจะได้มีของที่จำเป็น ติดตัวไว้เลย

  1. เสื้อผ้าของใช้แม่ ทั้งพวกอุปกรณ์อาบน้ำ ยาสีฟัน ครีมบำรุงผิว เครื่องสำอางค์ต่างๆ (อันนี้ตามความชอบถ้าไม่ซีเรียสใช้ของโรงพยาบาล ก็ไม่ต้องเตรียมได้)
  2. เอกสารส่วนตัว เช่นตัว copy บัตรประชาชน ทะเบียนบ้านของทั้งคุณพ่อ คุณแม่ เอกสารประกัน หรือเอกสารอื่นๆ (ถ้ามี) เตรียมไว้สำหรับให้ รพ. เผื่อแจ้งเกิดหลังคลอด ใส่แฟ้มใส่กระเป๋าไว้เลย
  3. เครื่องปั๊มนม ให้พกไปโรงพยาบาลด้วย เผื่อไว้กระตุ้นหลังคลอดตอนที่ลูกยังไม่มา หรือสำหรับซ้อมใช้งาน (ส่วนมากหลายๆ โรงพยาบาลเดี๋ยวนี้จะค่อนข้างเน้นเรื่องนมแม่ จะให้ลูกมาเข้าเต้ากระตุ้นตลอด อาจจะไม่ได้ใช้ ถ้าแม่ๆ คนไหนยังไม่ตัดสินใจซื้อก็ไม่เป็นไร ที่โรงพยาบาล ส่วนใหญ่จะมีให้ยืม ลองยืมเค้ามาใช้ก่อนก็ได้ค่ะ มีอีกโพสที่เขียนเกี่ยวกับเรื่องเครื่องปั๊มนมไว้ถ้าสนใจลองดูได้ค่ะ)
  4. Nipple shield มีไว้ให้อุ่นใจ แต่ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ที่ต้องใช้ Nipple shield ในที่นี้ ไม่ได้ใช้เพื่อครอบให้ลูกดูด แต่เป็นการป้องกัดไม่ให้นมเสียดสีกับเสื้อผ้า กรณีที่เป็นแผลเนื่องจากลูกดูดนมผิดท่า หรือเราจับลูกเข้าเต้าไม่ถูกวิธี อาจจะทำให้หัวนมแตก จากประสบการณ์คือ ช่วงวันที่อยู่ที่โรงพยาบาลหลังจากการเข้าเต้าวันที่ 2 เราไม่กล้าอุ้มลูก ไม่กล้าจับเค้า ด้วยความที่ลูกดูดเก่งมาก เค้าจะพยามดูดแรงๆ ยิ่งดูดผิดท่ามันจะยิ่งเจ็บมาๆ สุดท้ายหัวนมแตก เป็นแผล แผลแบบเจ็บมากๆๆ เหมือนในเพจคุณหมอเคยบอกว่า แค่ลมพัดเบาๆ ก็เจ็บไปถึงหัวใจ ยิ่งถ้าเสื้อแค่ไปแตะผ่านอีก ไม่อยากจะบอกคือแย่มากๆ ณ เวลานั้นคืออยากค้นพบสิ่งนี้ก่อนล่วงหน้าที่สุด อีกแบบที่สามารถใช้ทดแทนได้คือเป็นถ้วยครอบ จะเก็บน้ำนมได้ด้วย กรณีบางคนน้ำนมเยอะ (แต่ส่วนตัวคิดว่าไม่แนะนำให้เอานมในถ้วยมาให้ลูกกินต่อ เพราะอาจจะไม่สะอาด เว้นแต่ว่าเก็บนมช่วงระยะเวลาไม่นานมาก)
  1. ผ้าอนามัยแบบกางเกง (Optional)
    ปกติหลังคลอดลูกจะมีน้ำคาวปลาออกมาเรื่อยๆ เป็นเดือน ช่วงอยู่โรงพยาบาล ทางโรงพยาบาลจะให้ผ้าอนามัยแบบห่วงกับเรา ซึ่งไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ เพราะมันหนาๆ แล้วก็ใส่เป็นห่วงเหมือนจะหลุดง่าย (ส่วนตัวคือใช้ผ้าอนามัยแบบบางมาตลอด เพราะงั้นแบบเป็นก้อนหนาๆ คือไม่ไหว) อีกอย่างคือเวลามีคนมาเยี่ยมต้องลุกๆ นั่งๆ ไม่สะดวกเลย แนะนำให้ใช้ผ้าอนามัยแบบกางเกง ใส่ไว้ช่วงอยู่ รพ. จะได้ทำอะไรได้สะดวกมากขึ้นค่ะ
  2. ผ้าห่มเบบี๋ อันนี้เวลาพาลูกกลับบ้าน เอาไว้ห่ม หรือห่อตัวในรถ (แต่ปกติทางโรงพยาบาล จะมีผ้าห่อตัวให้อยู่แล้วจะพกไว้ หรือไม่พกก็ได้)
  3. เสื้อคลุมสวยๆ (Optional แบบ extra สุดๆ)
    สำหรับตอนที่อยู่โรงพยาลาล ถ้าเป็นสายสังคมแบบมีคนมาเยี่ยมเยอะถ่ายรูปเก่ง แนะนำให้เอาเสื้อคลุมอาบน้ำ หรือเสื้อคลุมตัวยาวสวยๆ ไปด้วย เวลาถ่ายรูปจะได้ไม่โทรม ไม่อยู่ในชุด รพ ที่ดูอ้วนพี เพราะว่าชุดคุณแม่หลังคลอด ส่วนใหญ่จะเป็นเสื้อกระโปรงแบบผูก แล้วก็จะมีช่องเปิดให้นม ซึ่งตรงนี้คือเหมือนผู้ป่วยมากเวอร์ และตรงช่องให้นม (แล้วแต่โรงพยาบาล) ค่อนข้างกว้าง ถ้าใส่เสื้อคลุมก็จะช่วยพรางตรงนี้ได้

ยาและของใช้สิ้นเปลือง

หมวดนี้จะเป็นสิ่งของที่บางอย่างเราคาดไม่ถึง พอจะใช้ไม่มี หรือว่าไม่ใช่ของที่จะมีคนเยี่ยมซื้อมาให้เท่าไหร่ ส่วนใหญ่ต้องเตรียมไว้เอง

  1. Nappy cream สำหรับทาก่อนใส่แพมเพิส ไม่ให้เกิดการระคายเคืองกับผิวเด็ก
    ส่วนตัวแทปเคยใช้ 3 ยี่ห้อ
    – Bepanthen อันนี้ราคาไม่แพง หาซื้อได้ง่ายมาก คุณสมบัติโอเค เนื้อครีมลื่นๆ ใช้ทาทุกวันหลังอาบน้ำหรือเปลี่ยนแพมเพิส

    – Sudocrem ตัวนี้จะมีแอนตี้เซฟติกด้วย ช่วยรักษาผื่น แผลต่างๆ ปกติแทปใช้สำหรับตอนที่ก้นลูกเป็นแผลหรือเป็นผดเล็กๆ หายเร็วมาก (คุณสมบัติค่อนข้าง
    ดีเลย เนื้อครีมจะเหนียว หนักหน่อย ทดสอบในผู้ใหญ่ก็สามารถบรรเทาแผลได้ด้วย แต่ใช้ได้เด็กแรกเกิดได้นะคะ) แนะนำให้ใช้แบบหลอดดีกว่า ตอนแรกเคยซื้อแบบหลอด แล้วอยากได้เป็นกระปุกเพราะสวยดี ปรากฏว่าแบบกระปุกต้องเอามือลงไปควัก ทำให้มีฝุ่นลงไป ไม่สะอาดเท่าไหร่ แต่ตอนนี้หลายๆ ร้านจะมีแถมช้อนปาด ถ้าใครไม่ซีเรียสก็ซื้อแบบกระปุกได้ เพราะราคาจะดีกว่า

    – Ezerra ตัวนี้เป็น Nappy Cream ที่รักษาแผลได้เหมือนกัน แต่เป็นแบบอ่อนโยน เท่าที่ลองทดสอบดูผื่น แผลจะหายช้ากว่า Sudocrem ราคาค่อนข้างสูง แต่ถ้าใครชอบแบบอ่อนโยน ดูปลอดภัยก็ใช้เป็นตัวนี้ก็ได้ ถ้าจำไม่ผิดราคาน่าจะหลอดละประมาณ 4-5 ร้อยบาท

  2. สำลีแผ่นใหญ่ หรือทิชชู่เปียก
    สำหรับเด็กแรกเกิด จะอึและฉี่บ่อยมาก พ่อแม่มือใหม่จะหมดเปลืองไปกับทิชชู่เปียกเพราะยังไม่ชำนาญ (แรกๆ กอล์ฟใช้ 2-3 วัน ต่อ 1 ห่อเลย 80 แผ่น) เพราะตอนนั้นยังเช็ดไม่ค่อยเป็น คือเวลาลูกอึ๊ 1 แผ่น เช็ด 1 ครั้งแล้วทิ้งเลย เพราะว่ากลัวจะไปเปื้อนลูกอีกรอบ พอหลังๆ จับทางได้ก็จะเริ่มดีขึ้น แต่แนะนำให้ใช้สำลีแผ่นใหญ่ ชุบน้ำอุ่น จะทำความสะอาดได้ดีกว่า อ่อนโยนกว่า ประหยัดกว่า สำลีแผ่นใหญ่จะมียี่ห้อ Moby (ราคาค่อนข้างสูงแต่เป็นที่นิยม), Toddler หรือสามารถซื้อตามร้านขายยาได้ ใช้ได้เหมือนกัน ถูกกว่าเยอะกว่า (อาจจะไม่ต้องเตรียมซื้อเพราะบางทีคนที่มาเยี่ยม เค้าจะซื้อชุดสำลีโมบี้เป็นเซทใหญ่มาตอนเยี่ยม จะได้ลองใช้สำลีที่แตกต่างกันหลายๆ แบบ)


  3. แผ่นซับฉี่
    แทปใช้ยี่ห้อ Sanipad ตอนแรกไม่เคยคิดเลยว่าของอันนี้ต้องใช้ แบบไม่เคยคิดเลย แต่ว่ามีเพื่อนให้มาตอนมาเยี่ยมคลอด แทปจะเอาไว้รองตอนเปลี่ยนแพมเพิส วางบนผ้ารองกันฉี่อีกที เพราะที่บ้านใช้ผ้ารองยี่ห้อ Mellow มันเป็นผ้า พอเปียกฉี่มันต้องเอาไปซักเลย (สำหรับคนที่ใช้ผ้ายางอาจจะไม่จำเป็น) ปกติเวลาเปลี่ยนแพมเพิส เด็กเล็กจะมีฉี่เล็ด อึเล็ดออกมาบ้าง ถ้าใช้แผ่นนี้วางรองไว้มันจะสะดวกกว่า เวลา accident โดนฉี่หรืออึ ก็เอาไปทิ้งได้เลย แล้วก็สะดวกเวลาออกไปข้างนอกบ้านด้วย รองตอนเปลี่ยนแพมเพิส ข้อดีคือมันจะซับฉี่ลงไปเลยเหมือนแพมเพิส ถ้าเปนผ้ายางหรือแผ่นพลาสติกปูรองเปลี่ยนแพมเพิส มันจะเป็นแบบกันน้ำบางทีเด็กฉี่ แล้วมันจะไหลย้อนกลับมากองที่ตัวลูก ต้องทำความสะอาดเพิ่มอีก (เด็ก ผช จะ sensitive เรื่องการเปลี่ยนผ้าอ้อมมากกว่าเด็ก ผญ อาจจะมีฉี่มาตอนโดนทิชชู่เปียกหรือความเย็น)

  4. ครีมทาผิวเด็ก
    เนื่องจากช่วงแรกๆ เด็กจะตัวแห้ง ยิ่งถ้าอาบน้ำอุ่นจะเห็นได้ชัดมาก บางทีผิวก็จะเป็นขุยๆ ให้ทาครีมหลังอาบน้ำ จะเป็น baby oil หรือครีมเด็กเล็กก็ได้ (หมอไอรีนแนะนำ la roche posay แต่มันเหนียว เป็นกลิ่นครีม อีกยี่ห้อที่ดังคือ Eucerin Omega หลอดเล็กค่อนข้างแพง ส่วนตัวไม่ค่อยชอบกลิ่นเท่าไหร่ ปัจจุบันที่บ้านใช้เบบี้ออย หรือบางทีก็เป็น Enfant organic(กลิ่นหอมแต่ค่อนข้างแรง)

  5. มหาหิงค์ (จำเป็น!)
    ใช้สำหรับทาท้องเด็ก ทาได้บ่อยเท่าที่ต้องการ ช่วยเรื่องการปวดท้อง มีลมในท้อง แนะนำให้ใช้เป็นแบบเจล มียี่ห้อมหาหิงค์เอง หรือ Biocher ส่วนตัวชอบไบโอเช่อมากกว่า เพราะกลิ่นดีกว่า เนื้อเจลเป็นเนื้อครีมมากกว่าถ้ามหาหิงค์เนื้อจะเหลวกว่าแต่กลิ่นจะออกมิ้นๆ เย็นๆ กว่า (ต่างกันนิดเดียว) ถ้าใครชอบแบบซาดิสใช้มหาหิงค์เหลืองๆ แบบออริจินอลได้แต่เหม็นมากกกกกก แบบร้องไห้ (ส่วนใหญ่ถ้าซื้อตามร้านขายยาจะมีแต่ออริจินอลขาย ควรเตรียมไว้ก่อน เพราะบ้านเราตอนแรกคิดว่าไม่ต้องใช้ แต่ว่ามีอยู่วันนึงไอรีนร้องไห้หนักมาก ไม่รู้ทำไง เลยออกไปหาซื้อตอน 2 ทุ่ม ได้รุ่นลูกกลิ้งเหม็นๆ มา พอทาแล้วก็หยุดร้องเลย แต่อันนี้ใช้ครั้งเดียวนะไม่ไหวจริงๆ 555)

  6. แป้งเด็ก
    สมัยใหม่นี้ส่วนใหญ่เค้าจะไม่นิยมให้ใช้แป้งกันเท่าไหร่ เพราะว่ากลัวลูกจะเป็นภูมิแพ้ มีสารก่อมะเร็ง แต่สำหรับบ้านนี้สามีเรา คุณกอล์ฟ จำเป็นมากที่จะต้องทาแป้งให้ลูก ด้วยความที่ไม่ชอบให้ตัวเค้าเหนียวเหนอะหนะ เลยต้องทาแป้งหลังอาบน้ำตลอด แต่แทปเองก็กังวลกับพวกฝุ่นแป้ง แล้วก็สารก่อมะเร็ง ทีนี้เราต้องหาตรงกลาง คือเราจะเลือกแป้งที่คิดว่าปลอดภัยมากที่สุด เป็นแป้งที่ไม่มีทัลคัม ที่เคยใช้จะมีแป้งข้าวโพดของ Pureen เพราะหาซื้อได้ง่ายมากมีขายตาม supermarket ทั่วไป อีกตัวที่บ้านใช้ตลอด และยังใช้อยู่คือแป้ง Reiscare เป็นแป้งที่ทำจากข้าวเจ้า + เลือกกระปุกที่มีพัฟ เวลาทาจะได้ไม่ฟุ้งกระจาย และช่วยทาจุดต่างๆ ตามร่างกายได้ง่ายๆ

  7. ไออุ่น บาล์มบัวหิมะ
    ใช้ทาตัวลูกเวลาโดนแมลง ยุงกัด หรือเป็นแดงๆ ใช้ได้หลัง 1 เดือน เป็นยาครอบจักรวาล นอกจากทาเรื่องแมลงก้ดแล้ว ยังทาได้ทั้งแผลถลอก รอยช้ำ ได้ด้วย ตัวนี้จะเป็นหลอดหมุนๆ ใช้สะดวก พกพาได้ดี กลิ่นออกมิ้นๆ แต่ไม่แสบ ถ้าไว้ในที่ร้อนจะมีเยิ้มๆ หน่อย

  8. ครีมอาบน้ำ
    อันนี้ทุกคนน่าจะรู้อยู่แล้วเนอะว่าต้องใช้ อยากเขียนอันนี้เพื่อแชร์ประสบการณ์เฉยๆ ตอนแรกเราก็คิดว่าสบู่อาบน้ำเด็ก น่าจะเหมือนๆ กัน ต่างกันแค่กลิ่นของแต่ละยี่ห้อ แต่พอใช้จริงๆ คือมันก็มีรายละเอียดเหมือนกัน นอกจากเลือกว่าลูกจะไม่แพ้แล้ว ยังมีอีกอย่างที่เราเพิ่งพบว่ามันก็สำคัญด้วย คือมันฟองเยอะ ลื่นเกินไปรึเปล่า (อันนี้ค้นพบโดยกอล์ฟ เพราะนางเรื่องมาก) โดยปกติแล้วตั้งแต่ไอรีนเกิด จะใช้ยี่ห้อ Lamoon แบบโฟมมาตลอด แต่มีช่วงนึงไปซื้ออีกยี่ห้อเพราะว่าไปงาน BBB กลายเป็นว่ายี่ห้อนั้นมันฟองเยอะมาก ลื่น แล้วฟองมันไม่ละลายน้ำ พอถูสบู่ให้ลูกในอ่างแล้วล้าง ปรากฏว่าฟองมันก็กลับมาติดตัวเด็กอีก เพราะมันไม่ละลายแล้วก็ลอยอยู่ที่ผิวน้ำ ก็ล้างวนๆ ไป เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่น่าหงุดหงิด ของยี่ห้อ Lamoon มันจะเป็นโฟมละลายน้ำไปเลย แต่ปัจจุบันเปลี่ยนมาใช้ยี่ห้อ Enfant Organic เพราะว่าหอมดี

    อีกอย่างนึง ใช้สบู่พวกอาบสระ ก็จะสะดวกดีค่ะ เป็น all in one ไม่ต้องซื้อแชมพู 1 สบู่ 1 เวลาเดินทางก็ไม่ต้องพกหลายอย่าง
    .
  9. Air-X Drop
    ตัวนี้ได้มาครั้งแรก จากโรงพยาบาลจ่ายยามาให้ เพราะตอนนั้นไอรีนร้องไห้น่าจะปวดท้อง (เดาเอง) เพราะท้องตึงๆ ปุ๊ๆ ยอมรับว่าช่วงแรก ที่เพิ่งพาลูกกลับบ้านคือหลอนที่สุด เป็นอะไรวิ่งไปโรงพยาบาลเลย ตอนนั้นจำได้ว่าไอรีนน่าจะ 2-3 สัปดาห์มั้ง พาไปหาหมอเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร หมอน่าจะไม่เคยรับเคสเล็กขนาดนี้เพราะตอนอุ้มยังอุ้มไม่ค่อยถูกเลย 555 แต่สุดท้ายหมอเค้าก็ตรวจแล้วให้ยานี้มา คุณหมอบอกว่าเด็กเล็กกินได้ไม่มีตกค้างไม่ต้องกังวล เพราะตัวยาจะอยู่แค่ที่ลำไส้ แล้วก็สลายหมดไป ช่วยเรื่องท้องอืด (แต่อันนี้คือนอกจากหมอสั่ง เราก็มีให้กินตอนหลังอีก แต่ไม่บ่อย เอาไว้แบบฉุกเฉินๆ)

  10. สติ๊กเกอร์หัวหอม (Optional)
    เวลาลูกแรกเกิด โดยเฉพาะในสัปดาห์แรก หลอดลมจะยังนิ่มอยู่ บางทีเวลาหายใจจะเหมือนมีเสียงวี๊ดๆ คนโบราณ จะทุบหัวหอมวางไว้หัวเตียงแต่เราสามารถซื้อสติ๊กเกอร์หัวหอมมาติดแทนได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ใช้ช่วงเป็นหวัดก็ได้ (ที่จริงผู้ใหญ่ก็ใช้ดีที่บ้านแอบเอาของไอรีนไปติดเสื้อกันช่วงที่เป็นภูมิแพ้) เราจะติดที่เตียง หรือใกล้ๆ ที่นอน เพราะกลิ่นจะได้ไม่แรงเกินไป แล้วก็ลดโอกาสที่สติ๊กเกอร์จะโดนตัวลูก




  11. สติ๊กเกอร์กันยุง (Optional)
    ถ้าไม่แน่ใจเรื่องยุงหรือแมลงในบ้านติดสติ๊กเกอร์กันยุงไว้ใกล้ๆ เพื่อป้องกันได้ มีหลายยี่ห้อ ดังๆ จะมี Lamoon Kindy ไม่ค่อยต่างกันมาก นอกจะสติกเกอร์แล้วก็จะมีครีมที่กันยุง อะไรที่เกี่ยวกับกันยุงตอนนี้จะใช้ยี่ห้อ Kindee เป็นหลัก (เพราะเพื่อให้กระเช้ามา 555)
  1. โต๊ะเปลี่ยนผ้าอ้อม (ควรมี) เพราะเราใช้ชีวิต 7-15 วันแรก ในการเปลี่ยนแพมเพิสลูก ถ้าไม่มีโต๊ะที่มีความสูงขนาดพอดีกับตัวเราเปลี่ยน จะปวดหลังมาก แต่ถ้าใครสะดวกเปลี่ยนในคอก หรือบนพื้นก็ได้เหมือนกัน (ไม่จำเป็นต้องเป็นโต๊ะสำหรับเผลี่ยนผ้าอ้อมเฉพาะ แค่ให้มีความสูงพอดีกับตัวเรา แล้วก็แข็งแรง วางชุดเปลี่ยนผ้าอ้อมได้อย่างปลอดภัยก็โอเค)



     

ของจำเป็นอื่นๆ

ที่จริงหมวดนี้น่าจะเรียกว่าเป็นการแชร์ประสบการณ์ ข้อดี ข้อเสีย ข้อผิดพลาดจากของที่เราเลือกซื้อมาดีกว่า เพราะว่าของหลายๆ อย่างที่เราซื้อเตรียมไว้ให้ลูก เราอ่านรีวิว เราไปดู ไปจับ แต่พอเอาเข้าจริงๆ มันใช้งานได้ไม่ดี บางอย่างไม่คิดว่าจะต้องใช้กลับเป็นของจำเป็น มาดูกันดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง

  1. ขวดนม
    ขวดนมขวดแรกที่ไอรีนใช้คือยี่ห้อ Phillips เพราะว่าน้องๆ แทปผู้มีความรู้ด้านวิทยาการ ไปทำรีเสิสกันมา (เวอร์มาก หยอกๆๆๆ) ว่าขวดนมยี่ห้อฟิลลิปส์ ใช้พลาสติกเกรดอะไรซักอย่าง ดีมากที่สุด ซื้อมาหลายขวดมาก พร้อมกับจุกกันโคลิกด้วย หมดไปหลายพัน แรกๆ ที่ไอรีนกินนมขวดคือหกเยอะมาก น่าจะเพราะจุกมันใหญ่ (ทั้งๆ ที่เป็นเบอร์เล็กสุด) แล้วน้ำนมออกเยอะเกินไป ทำให้หลังกินนมแทบจะทุกครั้งเสื้อเปียกตลอด หลังจากใช้ฟิลลิปส์ไปพักนึง ก็มาลองใช้ขวดพีเจ้น ไม่ได้คาดหวังอะไรมากเลย แต่ว่าได้ฟรีจากโรงพยาบาลมาเลยเอามาลองใช้ ปรากฏว่าใช้ดีมาก ขวด Pigeon คอกว้างสีชา เด็กเบบี๋สามารถเปลี่ยนจากเต้าแม่ มาขวดนม สลับไปเต้าแม่ได้ค่อนข้างดีเพราะรูปทรงจุกนม  จุกควบคุมน้ำนมที่ไหลออกมาได้ดี ขวดสีชาทำให้อายุการใช้งานยาวนานขึ้น อบในตู้ยูวีก็ไม่ทำให้สีเพี้ยน (เนื่องจากมันเหลืองอยู่แล้ว) หลังจากใช้ของฟรีแล้วก็ไปซื้อเพิ่ม มีลายมิกกี้เม้าน่ารัก แต่จะแพงกว่าไม่มีลาย (Dr.Betta  ก็ดีแต่น่าจะใช้กับเด็กที่โตหน่อย (ใช้แล้วดูร่ำรวยเพราะ ราคาแพง) เพราะคิดว่าตรงจุกมันผอมๆ ปกติไอรีนใช้กินน้ำตอน 6 เดือนสลับกับแก้ว BBox)

    ข้อควรระวัง ตอนใส่จุกนมกับฝา ควรตรวจให้แน่ใจว่าใส่แน่นดีแล้ว มีครั้งนึงตอนเพิ่งปั๊มนมแรกๆ นมก็น้อยยยย กว่าจะได้มาแต่ละหยด เอาไปใส่ขวดปรากฏว่าคนที่บ้านใส่จุกไม่สนิท หกใส่คุณไอรีนหมดเลยจ้า เหมือนปั๊มฟรี ร้องไห้แล้ว 1 วิธีใส่จุกนมเพิ่งรู้เหมือนกัน ปกตินึกว่าใส่จากด้านล่างแล้วดึงๆ ขึ้นมา แต่จริงๆ แล้วเค้าให้ใส่จากด้านบน ลองอ่านทำความเข้าใจการใช้งานกันอีกทีด้วยนะคะ
  1. ที่นึ่งขวดนมหรือเครื่องอบ UV
    ที่บ้านใช้ยี่ห้อ Prince & Princess มี 2 เครื่องทั้งขนาดใหญ่และเล็ก สำหรับคนที่ไม่มีแม่บ้าน ไม่มีพี่เลี้ยงเด็กที่ล้างขวดนมให้ ขอพูดตรงนี้ว่าดีมากกกกกก พอล้างเสร็จก็ใส่ตู้อบเลย มันจะเป่าแห้ง แล้วอบยูวีให้เสร็จสรรพ แล้วก็เก็บขวดหรืออุปกรณ์ด้วย ไม่ต้องล้าง นึ่ง แล้วตาก แล้วไปหาที่เก็บอีก เพราะไม่รู้ว่าที่เก็บมันจะสะอาดมั้ยอีก นอกจากขวดนม ของลูกแล้ว อุปกรณ์ปั๊มนมอะไรพวกนี้ก็สามารถล้างแล้วเอามาใส่ตู้ได้ (ยิ่งของที่เป็นซิลิโคน ถ้าใช้ผ้าเช็ดมันจะมีขุยๆ ผ้าติด อบจะดีกว่า) ถ้างบน้อยหน่อยก็จะมียี่ห้อ Saker
    *ของ Saker ตู้เล็ก ถ้าอบๆ อยู่แล้วเปิด พอปิดฝามันจะเริ่มทำงานใหม่ แต่ถ้าของ Prince & Princess มันจะทำงานต่อจากเดิมซึ่งสำหรับแทป แทปชอบของ Prince & Princess มากกว่า เพราะบางทีเราล้างกระจุ๊กกระจิ๊กแล้วเอาไปใส่ มันจะไม่ต้องเริ่มนับ 1 ใหม่ แต่สำหรับคนที่ล้างเยอะๆ ทีเดียว ไม่เปิดๆ ปิดๆ ฟังก์ชั่นนี้ก็ไม่จำเป็นเท่าไหร

    เพิ่มเติมนิดนึงว่า ตู้เล็กแทปจะเอาไว้บนห้องนอน ที่ใช้จริงๆ คือเอาไว้ใส่อุปกรณ์ปั๊มนม แล้วก็ของเล่น ยางกัดลูก ขวดนมนิดหน่อย เผื่อติดมือมากินบนห้อง


  2. ชุดนอน ช่วงเดือนแรก ส่วนใหญ่เด็กๆ จะอยู่ในชุดนอน เพราะเค้าจะใช้เวลาส่วนใหญ่(ตอนกลางวัน) ในการนอน ควรเลือกที่ใส่ง่ายๆ เช่นชุดหมี ถ้าพ่อแม่มือใหม่ใช้ชุดนอนที่เป็น 2way zipper จะสะดวกเวลาใส่ เวลาเปลี่ยนแพมเพิส (มันจะรูดได้จากทั้งบน ทั้งล่าง) ข้อเสียคือบางยี่ห้อ เวลารูดแล้วซิบมันจะโป่งๆ ตรงช่วงหน้าอก (แต่ไม่ได้ขูดตัวเด็กนะแค่พองขึ้นมา) ส่วนตัวที่บ้านชอบใส่ Uniqlo ไม่ต้องห่มผ้า


  3. ชุดเด็กแรกเกิด อันนี้ควรมีติดไว้บ้าง ตอนแรกที่บ้านไม่ซื้อเลยเพราะคิดว่าเดี๋ยวก็คงโต แต่กลายเป็นชุดที่เค้ามี ใหญ่มาก ใส่แล้วหลวมแทบทุกชุด ใช้เวลาประมาณ 2 อาทิตย์ขึ้นไปถึงจะตัวฟู เสื้อผ้าเด็ก บ้านเราใส่แต่ชุด body suit Mama&Papa เพราะขี้เกียจ และชุด body suit(ขาสั้นนะ) ของ Uniqlo ส่วนใหญ่จะเลือกรุ่น Airism เพราะลูกขี้ร้อนมาก แล้วก็ไม่ได้อยู่ห้องแอร์ตลอด (เด็กเล็กๆ จะแต่งตัวยากนิดนึงเพราะเค้ายังบังคับร่างกายตัวเองได้ไม่ค่อยดี พยามเลือกเสื้อที่กางออกมาได้เป็นแผ่นๆ เพราะถ้าสวมหัวจะใส่ยากหน่อย จะติดกระดุมหรือผูกเชือกก็ได้)

  4. ผ้าอ้อม
    ใช้เช็ดทั่วไป รองบ่าก่อนอุ้ม เช็ดน้ำลาย ถ้าผ้าไยไผ่จะนุ่มมาก ยับง่ายดูแลยากหน่อย ถ้ารุ่นปกติก็จะเป็นผ้ามัสลิน หรือพวกผ้าไยเทนเซล(เหมือนจะแข็งแรงสุด) ถ้าไม่ซีเรียสซื้อในชอปปี้ได้บางร้านก็นิ่มมาก ไม่แพง แต่ถ้าอยากได้ยี่ห้อแล้วก็นิ่มๆ ก็พวก Iflin baby, Sofflin , Soft baby ยี่ห้อ Granny ben เป็นไยเทนเซล ไยไผ่ยี่ห้อ Dreaming child ที่เราใช้ นิ่มมากแต่ยับมากต้องนั่งรีดไม่งั้นจะยับแบบไม่ไหว ส่วนตัวมีแทบทุกยี่ห้อตั้งแต่ตลาดนัดไปจนถึงพัน ขึ้นอยู่กับว่าจะใช้ผ้าอ้อม ทำอะไรบ้าง ตั้งแต่ลูกประมาณ 6-7 เดือนก็แทบไม่ได้ใช้ผ้าอ้อมแล้ว มีพกไว้ใช้เช็ดนั่นนี่เฉยๆ
  5. ที่นอน
    ควรจะวางแผนว่าจะเลี้ยงเด็กที่ไหนบ้างในบ้าน จะอยู่แค่ห้องเด็ก หรือจะพาออกมาด้านนอก ควรจัดแล้ววางแผนไว้ก่อน ถ้าคิดว่าชอบเปลี่ยนที่นอน ที่อยู่ แนะนำซื้อ babynest ที่เคลื่อนย้ายได้ สะดวก เอามานอนบนเตียงพ่อแม่ก็ได้ ส่วนที่นอนหลักเด็กจิ๋ว ไม่ควรมีตุ๊กตา หมอน ผ้าห่มอะไรเยอะ เพราะป้องกันการเกิด SID ของเด็ก ช่วงแรกเกิดจะห่อนอนเหมือน รพ ก็ได้เด็กจะได้หลับสนิท หรือจะใช้พวก Swaddle up ที่เป็นซิบห่อตัวก็ได้ ถ้าไม่ชำนาญห่อ (ผ้าห่อตัวใช้ห่ออาบน้ำด้วย) แต่บ้านเราตอนมาไม่เคยห่อตัวเลย นอนอิสระ เลยต้องหาถุงมือมาใส่เพราะลูกเอามือข่วนหน้า

  6. คาร์ซีท
    ควรวางแผนก่อนซื้อว่ามีเป้าหมายยังไงบ้าง เปลี่ยนรถบ่อยมั้ย จะใช้ไปจนถึงกี่ขวบ ต้องพยามมีวินัยในการฝึกนั่ง เพราะหลังจากที่เด็กเริ่มรู้เรื่อง การนั่งคาร์ซีทจะทำได้ยาก ทั้งๆ ที่ก่อนหน้าเค้านั่งได้ ถ้าเปลี่ยนรถบ่อย มีรถหลายคัน อาจจะต้องดูรุ่นที่มีทั้ง Isofix และใช้ระบบสายเบล์ทได้ คาร์ซีทที่หมุนได้ ค่อนข้างสะดวกตอนใช้งาน เวลาพอลูกขึ้นลงรถ หรือหมุนเปลี่ยนทิศ (แต่จะใช้งานได้ถึงน้ำหนักไม่กี่โล) หลักๆ ดูเรื่องการใช้งานที่บอกและ budget อย่าลืมก่อนซื้อดูวันผลิตของคาร์ซีทด้วย เพราะว่ามันมีอายุเหมือนกัน (5ปี)
  7. ม่านบังแดดในรถ(Optional)
    ส่วนตัวจากที่ใช้งานมา คิดว่าดีแล้วก็ค่อนข้าง practical ม่านที่เป็นแม่เหล็กดูดตรงหน้าต่างเลย เพราะบางทีลูกนั่งในคาร์ซีทแล้วแดดมันลงพอดี ย้ายก็ไม่ได้ ใช้วิธีติดม่านเอา (ม่านของรถเองบางทีเป็นโปร่งๆ ยังไงแดดก็เข้ามา) แทปใช้ยี่ห้อ icecream fairy ของเกาหลี ดีมากแดดไม่ลอดเลย ผ้า 2 ฝั่งเป็นผ้าจริงๆ แต่เนื้อทึบแสง ไม่มีกลิ่นแปลกๆ บางอันที่ราคาไม่แพงมากด้านนึงจะเป็นสีดำเป็นยางๆ หน่อยใน Shopee มีหลายยี่ห้อ ลองเลือกดูได้ตามงบประมาณ

  8. รถเข็น
    ควรเลือกที่เข็นลื่นๆ ดูว่าเราเป็นพ่อแม่สายแบกมั้ย ถ้าใช่ควรเป็นรถที่บาล๊านซ์ดีๆ พับเก็บ กางได้ง่าย น้ำหนักรถเข็นไม่หนักเกินไป ถ้ารถสูง เด็กจะอยู่ใกล้พ่อแม่ไกลฝุ่น ใช้เป็นที่นั่งในร้านอาหารได้ ถ้าเปลี่ยนฝั่งเข็นเป็นหันหน้าเข้าแม่ได้ ก็ค่อนข้างดีในยุคนี้ที่มีโควิท แล้วก็เซฟสำหรับเด็กเล็ก ทั้งหมดทั้งมวลในการเลือกรถเข็น ดูงบก่อน เพราะมันมีตั้งแต่ 6 พัน ที่ดาราใช้จริง ยังคันละ 9 หมื่น ที่บ้านมี 2 คัน แทบไม่ได้ใช้เพราะโควิท ไม่ได้ไปไหน ใช้ไป รพ อย่างเดียว ที่ซื้อคันที่ 2 เพราะว่ามันหันหน้ามาทางคนเข็นได้ตอนนั้นกลัวเชื้อโรค เลยอยากให้ลูกหันเข้าหาเรา เพราะเค้าไม่ชอบอยู่ในพลาสติกเลยใช้ผ้าอ้อมคลุม รถเข็น 2 คันที่มีคือ
    – Keenz air plus pro รุ่นที่แพง (ซื้อเพราะตัวรถใหญ่กว่ารุ่นปกติ แล้วก็ชอบที่มันใส่ถาดรองอาหารได้ ซึ่งไม่เคยได้ใช้)
    – อีกคันที่ซื้อคือ Bronco Apollo ซื้อเพราะว่ามันสลับเข็ดหน้าหลังได้ แล้วก็รถสูงสามารถนั่งเป็นเก้าอี้ที่ร้านอาหารได้
    ทั้ง 2 คันเวลาพับแล้วเก็บใส่กระเป๋าที่เค้าแถมมาให้ยากมาก เหมือนเอาไว้ให้ใส่ตอนจะขึ้นเครื่องอย่างเดียว ผ้าคลุมพลาสติกยี่ห้อ Bronco ดีกว่ามากๆ ของ Keenz คือโกรธ เอาไปซัก ล้างตากประมาณ 5 รอบแล้ว มีน้ำมันออกมาตลอด แล้วก็มีกลิ่นเหม็นพลาสติกมากๆ ไม่รู้ว่าซวยได้อันไม่ดีมาหรือว่ายังไง (มีแอบแชทไปคุยกับเพจด้วย แต่เค้าก็ตอบอะไรมากไม่ได้ เดาว่าเป็นเพราะการเก็บรักษาจากร้านที่เราซื้อมา (ซื้อจากพุงกลม))

    ช่วงหลังที่ลูกโตหน่อย จะเริ่มใช้เป็น Doona trike แทนเพราะขนาดเล็ก พกพาสะดวก ลูกเหมือนจะรู้สึกว่ามีอิสระมากกว่า

  9. เป้อุ้ม Hip seat
    ให้ไปลองใส่ที่งาน bbb แต่ละยี่ห้อมีข้อดีเสีย ต่างกัน อย่ารีบซื้อ แต่ควรซื้อเพราะว่าเด็กบางคนติดให้อุ้มไปไหนมาไหน อันนี้จะเป็นตัวช่วยเรา ถึงแม้จะอยู่ในบ้านเอง เผลอๆ ใช้บ่อยกว่ารถเข็นอีก พวก hip seat ให้ลองใส่แล้วดูว่ามันกดทับหลัง ท้องเรามั้ย เพราะจะเป็น 2 จุดที่เกิดอาการเจ็บ (ต้องแบกน้ำหนักดูด้วยไม่ใช่ลองสะพายเฉยๆ) ถ้าผ่าคลอดมามันจะกดตรงแผลพอดี แทปชอบใช้เป็นผ้าอุ้มเพราะแขนไม่มีแรง ใช้มาจนถึงทุกวันนี้ ลูก 1 ขวบ 4 เดือน แต่กอล์ฟ และคนอื่นๆ ในบ้านจะใช้ hip seat เป็นหลัก ถ้าน้องเล็กจิ๋วแนะนำผ้าอุ้มหรือเป้อุ้มโหมดที่ support เด็กเล็ก เพราะ hipseat ควรใช้หลัง 6 เดือนไม่งั้นสะโพกจะเคลื่อน
    ที่แทปเคยใช้มา (เยอะมาก เพราะเรารู้ว่าแขนไม่มีแรงอุ้มไม่ไหว) โดยจะมีผ้าอุ้มหลายอัน แล้วก็ Hip Seat
    – Hip Seat ยี่ห้อ Haenim 9+ กอล์ฟเป็นคนเลือก เพราะว่าเราแบ่งงานกัน กอล์ฟลองหลายยี่ห้อในงาน BBB สุดท้ายมาเลือกอันนี้เพราะว่าวัสดุ ความเข้ากันกับ body ตัวเอง และราคา
    – ผ้าอุ้ม Cherinette อันนี้คือของใช้ประจำตัว เป็น The must ของแทป
    – ผ้าอุ้ม Baby K’Tan รุ่น Breeze
    – ผ้าอุ้ม Baby K’Tan รุ่น Active
    – ผ้าอุ้มแบบพันเองยี่ห้อ Kangkabam ผ้านิ่มแล้วก็ไม่หนาเทอะทะเท่ายี่ห้ออื่น แต่ราคาก็สูงตามไปด้วย แทปมีลายหมีที่ไม่ชอบ ซื้อเพราะว่ารีบเอามาใช้ ของเค้าแทบจะหมดสต๊อกแล้วตอนนั้น ตอนนี้ยี่ห้อนี้น่าจะเปลี่ยนเป็นผ้าอุ้มแบบสำเร็จรูปแทนแล้ว
    – Hip Seat, ที่จริงเค้าเรียกว่า Wingseat ยี่ห้อ Cherinette ตัวนี่คือแพงเทียบกับสิ่งที่ใช้ได้จริง เคยใช้แค่ครั้งเดียว ซื้อมาเพราะว่าเห็นว่ามันพกพาได้ พับได้ ชอบคอนเสปมากๆ แต่พอใช้งานจริงคือ เจ็บ เจ็บไปหมด อาจจะเป็นที่สรีระเราเอง หรือยังไงไม่รู้ แต่คือค่อนข้างโกรธจนแชทไปหาเพจ Official ที่เกาหลีเลย ถ้าใครอยากใช้ แนะนำให้ไปลองที่งานก่อนแล้วค่อยตัดสินใจซื้อเพราะว่าสรีระแต่ละคนแตกต่างกัน




  10. ลำโพง (optional)
    ที่ใส่ tf card ได้(sd card) เพราะช่วงแรกเกิดลูกส่วนใหญ่จะนอน เรามักจะเปิดเพลงให้น้องฟัง ถ้าไม่สมัครยูทูบพรีเมี่ยม เราต้องเปิดโทรศัพท์ค้างไว้ แต่ถ้าเรามีลำโพงที่ใส่เพลงกล่อมเด็กไว้ จะเปิดวนได้ตลอดเวลา เอาออกไปข้างนอกก็ได้ ข้อควรระวัง ลำโพงที่ไม่ค่อยแพงส่วนใหญ่ เวลาเปิดเพลงกิ๊งก๊อง ของเด็กที่ pitch สูงๆ เสียงจะแตก น่าโมโหมาก ให้ลองเลือกดีๆ ถ้าใช้ที่มีอยู่แล้ว แล้วเพลงเด็กที่เปิดเสียงแตก ให้เปิดเพลงพวกที่เป็นเปียโนแทนได้อยู่

หมวดแม่ปั๊มนม

  1. เครื่องปั๊มนม (มีเขียนเปรียบเทียบเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้แยก) หลักๆ ให้ดูเรื่องของ อุปกรณ์ส่วนประกอบของที่ปั๊ม (ยิ่งอุปกรณ์เยอะต้องล้างเยอะ) ขนาดเครื่อง (จะไปปั๊มนอกบ้านมั้ย) เสียงตอนปั๊ม ลักษณะการดูดของเครื่อง กรวยปั๊ม อะไหล่ต่างๆ การรับประกัน
  2. ถุงเก็บน้ำนม ในช่วงแรกถ้ายังนมมาไม่เยอะ ควรใช้ถุงยี่ห้อ sun mom หรือ clinimom ขนาด 3-3.5 oz ก่อน เพราะจะได้ไม่เปลือง นมมันสามารถเก็บใส่ขวดรวมกันไว้ 1 วันค่อยใส่ถุงใหญ่ก็ได้ ถุงดีๆ คือของ Lamoon แต่ราคาสูง ถ้าไม่ใช่แม่นมเยอะเก็บนมหลายๆ เดือน ถุงเก็บนมจะไม่ได้มีผลเรื่องกลิ่นหืนมาก แต่แม่ที่นมเยอะ จำเป็นต้องใช้ถุงดีๆ เพราะมันช่วยเรื่องกลิ่นหืนของนมได้ชัดเจน ถุงที่ดีๆ นอกจาก Lamoon ก็มี Clinimom ไม่แพง เนื้อดี, Mr Fox, Toddler, Moby
  1. ผ้าคลุมให้นม
    จำเป็นสำหรับเวลาออกไปข้างนอก(ปั๊มนม ให้นม) ถ้าขี้ร้อนไม่แนะนำ QD Little thing ที่เป็นผ้า เพราะมันเหมือนเสื้อคาร์ดิแกนเลยหนา แต่ถ้าปั๊มหรือให้นมในห้องแอร์ออฟฟิต ที่เย็นมากๆ รุ่นนี่เหมาะ (รุ่นพลีทก็โอเคอยู่สวย เป็นทรงดี นอกนั้นยี่ห้ออื่นๆ ถ้าชอบเย็นๆ จะมียี่ห้อ Lamoon, Viva kloset, little pearl เป็นต้น) ทั้งหมดคือแฟชั่น แล้วแต่งบเลย บางทีฉุกเฉินก็เอาผ้าอ้อมลูกมัดคอแล้วให้นมลูกก็มี

  2. ครีมทาหัวนม
    ที่จริงไม่ค่อยจำเป็น พยาบาลที่ห้องเนิสบอกว่าไม่ให้ใช้ เพราะบางทีตัวครีมจะไปปิดท่อน้ำนม แต่ถ้าเจ็บมาก ใช้นมที่บีบออกมาทาเอา  แต่ถ้าทนไม่ไหว อยากใช้ก็เตรียมไว้ได้ มียี่ห้อนึงเหม็นมากกก(ไม่บอกชื่อเดี๋ยวโดนฟ้อง) ซื้อมาอยากร้องไห้ เอาไปถามคนขายว่าทำไมเป็นกลิ่นแบบนี้ เค้าบอกว่าเป็นออแกนิก แต่กลิ่นมันเหมือนเครื่องใช้ไฟฟ้าใหม่เด๊ะๆ เลย ไม่โอเค โยนทิ้ง แพงด้วยตั้ง 250 บาท ที่ใช้ตอนแรกๆ แล้วโอเคหาซื้อง่ายก็จะเป็น Lamoon เอามาทากันปากแตกได้ด้วย


  3. แผ่นซับน้ำนม
    กรณีคนนมเยอะๆ เวลาลูกดูดข้างนึง ถ้านมเริ่มมาเยอะแล้วเริ่ม  flow  จะมีปรากฎการณ์เรียกว่า Let down effect  คือดูดข้างซ้ายนมข้างขวาจะไหลเอง หรือไม่ก็วันปกติ บางทีนมจะซึมออกมาเปื้อนเสื้อผ้า เหนียวๆ ก็ควรใส่แผ่นซับในเสื้อใน (พยามไปหาของฟรีที่ตามแบรนมันให้ก่อน เพราะบางยี่ห้อก็กาวไม่ดี แปะเสื้อในแล้ว ขยุ้มเป็นกองๆ แต่โดยรวมแล้วก็คล้ายๆ กัน)


  4. เสื้อชั้นในให้นม
    ดูว่าวางแผนจะปั๊มนม ให้นมลูกนานขนาดไหน ถ้าคิดว่าแค่ไม่กี่เดือน อย่าซื้อแบบแพงมาก เพราะว่ามันใช้แป๊บเดียว ที่เคยใช้แล้วใส่สบายจริงๆ คือเป็นแบบ Sport bra ซื้อใน Shopee  ถูกมาก (ใครจะซื้อของวาโก้ ซาบีน่าอะไรก็ได้แล้วแต่ แต่ราคาต่อตัวมันจะเป็นหลักพัน บางรุ่นล๊อกกรวยปั๊มนมได้ไม่ค่อยดี มันหลุด บางรุ่นบราอ้า ทำให้หน้าอกหลุดออกมาตรงช่องว่างที่เปิดเสื้อใน ให้ดูทรงดีๆ แล้วก็ถ้าสามารถลองได้ ก็ลองดูดีกว่าเพราะบอดี้แต่ละคนไม่เหมือนกัน


  5. ตู้เย็นเก็บน้ำนมแยก 
    อย่ารีบซื้อ ไม่ใช่ทุกคนจะมีนมเป็นถุงเป็นถังเก็บ Stock มากมายขนาดนั้น รอลองดูเดือนแรกก่อน ค่อยขยับซื้อตู้เย็นไม่ต้องรีบ

อันนี้เป็นประสบการณ์ของแทปเองที่เคยผ่านมา อาจจะตรงหรือไม่ตรงกับคนอื่นๆ ยังไงลองปรับใช้ดูเป็นไอเดียนะคะ ขอให้คุณแม่ๆ เตรียมตัวให้มีความสุขนะค้า อย่าเครียด